คบกัน ก็ต้องเข้าใจกัน


คบกัน ก็ต้องเข้าใจกัน


เมื่อคุณคบกับแฟนมาได้สักพักนึงแล้ว
อาจจะสงสัยว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าคนคนนี้คือคนที่เราควรจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วย อาจจะมองว่า
เรามีอะไรหลายๆอย่างเหมือนกัน เรามีความสนใจที่เหมือนกัน เราไม่เคยทะเลาะกัน เราชอบทานอาหารชนิดเดียวกัน
พ่อแม่ของเราทั้งคู่ก็เห็นดีเห็นงามด้วย
หรือเราอยากจะอยู่ใกล้ๆเขาหรือเธอตลอดเวลา
สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวชี้หรือเปล่าว่า
เขาเป็นคนที่เราเฝ้ารอและอยากจะใช้ชีวิตกับเค้าจริงๆ

คำตอบที่ดีที่สุดในการตัดสินว่าเค้าเป็นคนที่ใช่หรือไม่
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราชอบและหลงรักเขาตรงไหน
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นส่วนจำเป็นที่ทำให้เราเลือกเค้ามาอยู่เคียงข้างตลอดเวลา
หากแต่ต้องมองไปในทางตรงกันข้าม คือส่วนที่แย่ๆของเขาหรือเธอต่างหาก
การได้ยอมรับส่วนที่แย่ที่สุดของเขาได้ จะนำพาชีวิตคู่ให้เป็นสุขต่อไป
เมื่อสิ่งที่เราได้พบเจอนั้นเรียกว่าแย่ที่สุดแล้ว..
และคิดว่าในอนาคตคงไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้อีก แล้วเรายอมรับได้
เมื่อนั้นก็คงถึงเวลาตัดสินใจแล้วว่า ถ้าเราใช้ชีวิตที่เหลือกับคนคนนี้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อีกต่อไป
เพราะเหตุผลส่วนมากที่ทำให้คนสองคนไปกันไม่ได
้ก็เพราะต่างคนต่างปิดบังส่วนที่แย่ๆของตัวเองไม่ให้อีกฝ่ายรู้
และไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายรู้เพราะกลัวว่าจะเสียเขาหรือเธอไป
ต่างคนก็มักจะนำเสนอแต่ส่วนดีๆของตัวเอง
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะบอกได้เลยว่าเราจะไปด้วยกันได้หรือไม่
ในที่สุดตัวเราก็ต้องเผยตัวจริงออกมา และเมื่อนั้นมันก็ต้องสิ้นสุดลงอยู่ดี
ถ้าคุณไม่โชคดีพอ

คู่ชีวิตไม่ได้เป็นแค่สามีหรือภรรยา ไม่ได้เป็นแค่พ่อหรือแม่ของลูก
แต่อยู่ด้วยกันในฐานะเพื่อน
ฐานะคนในสังคมเดียวกันที่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาด้วย
หากเราไม่สามารถแสดงตัวของเราได้เต็มที่
หากเขาไม่สามารถยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเราได้
ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะหลอกตัวเองว่าแค่ความรักจะทำให้ชีวิตคู่อยู่รอดได้
เพราะความรักยังมีวันจืดจาง
แต่ความเข้าใจและความผูกพันธ์จะทำให้ชีวิตคู่ยืนยาวต่อไปได้

20 นิสัยเสีย สาเหตุให้รักสะบั้น


20 นิสัยเสีย สาเหตุให้รักสะบั้น


1.ชอบทำตัวเป็นนักขุด
อย่าทำตัวเป็นนักขุด อ๋อ... ก็ขุดคุ้ย แต่เรื่องเก่าๆ ของแฟนเก่าคุณยังไงหล่ะ เพราะจะทำให้แฟนคนปัจจุบันของคุณ เกิดความ ไม่มั่นใจในตัวคุณ ในเมื่อคุณรักเขาแล้ว ก็ควรจะมีเขาคนเดียวในหัวใจ อย่าให้ปากของคุณ สร้างให้เกิดรอยร้าวในหัวใจ ฝ่ายตรงข้ามเลยนะจ๊ะ

2.ไม่ชอบรับฟังคนอื่น
ยอมรับฟังความคิดเห็น หรือรับฟังเรื่องราว ของเขาบ้าง ไม่ใช่ให้เขาเป็นฝ่ายรับรู้ และรับฟังแต่เรื่องของคุณอย่างเดียว อย่างนั้นมันไม่แฟร์

3. ชอบทำตัวเป็นเงาตามติดแจ
คุณควรแบ่งเวลาให้เขาอยู่กับสังคม และเพื่อนของเขาบ้าง ไม่ใช่มาคอยอยู่กับคุณ ตลอด 24 ชม. ขนาดคุณเองยังอยากมีเวลา ส่วนตัว หรือมีเวลาให้กับเพื่อนคุณบ้าง (แค่เอาใจเขามาใส่ใจเราเท่านั้นเอง)

4. ชอบออกคำสั่ง
มีแฟนนะจ๊ะ ไม่ใช่มีลูกน้อง เพราะฉะนั้น อย่าออกคำสั่งให้แฟนของคุณ ทำโน่นสิ ทำนั่นสิ อันนี้ดีทำนะ หรือว่าอย่างนั้นไม่ดี …อย่าทำ (ก็ยอมๆ เขาบ้างบางครั้ง ไม่ตาย หรอกเน๊อะ) ?

5. ยิ่งกว่ากรรไกร
อย่าทำตัวเป็นกรรไกร คอยตัดหรือฉีกหน้า แฟนคุณต่อหน้าคนอื่น ไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะห้ามเอาปมด้อยของเขา มาล้อเล่น อย่างสนุกสนานต่อหน้าคนอื่น แม้กระทั่งกับเพื่อนสนิทกันก็ตาม (ไม่มีใคร เขาชอบหรอกนะ)

6. ชอบซ้ำเติมข้อผิดพลาด
อดีตคืออดีตให้มันผ่านแล้วผ่านไปเถอะ ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเอาเรื่องที่เขาผิดพลาดในอดีตขึ้นมาตอกย้ำอีก ก็จะทำให้ยิ่งทะเลาะ กันเข้าไปใหญ่ จะทำให้ยิ่งเพิ่มความแตกร้าว มากขึ้น

7. พกแฟนไปทุกสถานที่
อย่าคิดว่าเขาจะชอบทุกๆ สถานที่ ที่คุณพาไป นั่นเป็นความคิดที่ผิด บางงานเขา ก็อาจไม่อยากจะไปก็ได้ หรือไม่ ถ้าคุณมีเพื่อน ไปด้วยแล้ว ละวางเขาบ้างก็ได้ ไม่ต้องทำตัว เป็นปาท่องโก๋ตลอดเวลา

8. ขี้หึงสุด..สุด
หึ่ง หึ่ง ไม่ใช่เสียงผึ้งหรอกนะคะ แต่เป็นอาการหึง ลมออกหูของคุณต่างหาก
แฟนคุณเค้าจะมีเพื่อนที่เป็นผู้หญิงเพศเดียวกับคุณบ้าง ก็ไม่เห็นเป็นไร ทีคุณยังมีเพื่อนผู้ชายตั้งเยอะ การคบกันก็ต้องมีความไว้ใจ ซึ่งกันและกัน ความรักถึงจะยืนยาว

9. ความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ลองหันหน้ามาปรึกษาแฟนคุณบ้าง เวลาที่คุณ ต้องทำนัดหมาย
ยอมให้เขามีส่วนร่วม และรับรู้ในเรื่องต่าง ๆ บ้าง อย่าลืมนะว่า สมัยนี้มันประชาธิปไตยแล้วจ๊ะ การที่คุณ ตัดสินใจตลอดเวลา ด้วยตัวเองมันเหมือนกับ เป็นการบังคับเขาทางอ้อมนะ

10. จุกจิก จู้จี้
อย่าทำตัวเป็นคนแก่ ไม่เอา... ไม่เอานะ ในช่วง คบกันแรก ๆ เขาอาจจะทนได้ แต่พอนานวันเข้า อันนี้ไม่รับประกัน เพราะความอดทนอาจจะหมดไป เหลือไว้แต่ ความรำคาญใจก็ได้นะเออ

11. เป็นคนช่างตำหนิ
อย่าคิดว่าความคิดหรือข้อเสนอของเขา เป็นเรื่องไร้สาระ ไม่น่าฟัง ไม่เข้าท่า ไม่มีใคร ทนได้ หรอกนะที่จะมี คนมาคอย ตำหนิติเตียนอยู่ตลอดเวลา

12. พูดชม หรือให้กำลังใจ ใครไม่เป็น
ไม่เค๊ย ...ไม่เคยที่จะเอ่ยปากชมแฟนของคุณ เวลาที่เขาทำดีให้คุณ อย่างนี้ต้องหัดแล้วนะ ควรทำบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เว่อร์จนเค้าคิดว่า ประชด

13. คุณประชดหล่ะ
คำขอโทษไม่เคยหลุด ออกจากปาก I'm so sorry หัดกล่าวคำขอโทษซะบ้าง เวลาที่คุณทำผิด การยอมรับความผิดแต่โดยดี จะให้เขารู้สึกว่าคุณมีความรับผิดชอบและทำให้เขาไว้วางใจ

14. ช่างดุ…ช่างด่า
ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบด่าว่า แฟนคุณเสีย ๆ หาย ๆ ต่อหน้าคนอื่นเลิกเถอะค่ะ เพราะนี่เป็นข้อสำคัญที่ทำให้ความรักของคุณ เกิดรอยร้าวแบบประสานไม่สนิทนะคะ เพราะการทำแบบนี้ทำให้เขาเสียหน้า และโกรธคุณมาก

15. ขี้งอน
ส่วนมากเวลาผู้หญิงโกรธ มักจะทำหมางเมิน ไม่พูดไม่จา ที่เคยพูดน้ำไหลไฟดับจนลิงหลับก็เงียบสนิท แบบนี้ไม่ work คุณควรจะบอกว่า โกรธเขาเรื่องอะไร จะได้ปรับความเข้าใจ กันได้ง่ายขึ้น และเขาก็จะได้ง้อคุณให้ถูกวิธี ยังไงหล่ะ

16. ขี้บ่น
บ่น บ่น บ่น บ่นเช้า กลางวัน เย็น ไม่รวม ไปถึงเวลาอาหารว่าง คิดดูแล้วกันว่า ถ้ามีคนขี้บ่นอยู่ใกล้ๆคุณ คุณจะรำคาญ ขนาดไหน แล้วอย่างนี้ถ้าคุณขี้บ่น แฟนคุณจะรู้สึกอย่างไร

17. ซ๊กม๊ก เป็นที่หนึ่ง (ซ๊กม๊ก แปลว่า สกปรก)
การเป็นผู้หญิง สำคัญที่สุดคือเรื่องของความสะอาด ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมทนคบผู้หญิงที่ไม่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สกปรก วางของระเกะระกะ ไม่เป็นที่เป็นทาง เพราะผู้ชายส่วนมากมักวาดฝันว่าแฟน ของตัวเอง อย่างน้อยต้องมีความเป็นกุลสตรี บ้างซัก 10 หรือ 20 เปอร์เซนต์ก็ยังดี

18. โกหกเป็นไฟ
อย่าหัดเป็นคนโกหก เพราะมันจะติดเป็น นิสัย มีอะไรก็พูดตรงๆ แต่ไม่ใช่แบบขวาน ผ่าซาก หรือแบบมะนาวไม่มีน้ำ ชอบทำตัวเป็นแม่ เป็นคนไม่หวาน …เอาซะเลย

19. ฮั่นแน่ นี่แฟนนะ ไม่ใช่แม่
เพราะฉะนั้น อย่าริทำตัวเป็นคุณแม่คนที่สอง หรือ ผู้ปกครองคนที่สองของแฟนคุณเด็ดขาด อย่าไปคอยบงการชีวิตของเขา สั่งสอนเขา เหมือนเขาเป็นลูกคุณ ทำแบบนี้จะเพิ่มความกดดันให้เขาต่อต้านคุณ ไม่ยอมคุณ ถึงแม้ว่าบางสิ่งที่คุณพูด อาจจะถูกก็ตาม

20. เป็นคนไม่หวาน … เอาซะเลย
คุณลืมความหวานชื่นในอดีตไปแล้ว ว้า... อย่างนี้รักของคุณก็ขาดน้ำตาล หรือความหวานนะสิ คุณน่าจะลองรำลึกถึงอดีตหวานๆ กับแฟนบ้าง เพราะมันจะทำให้ความรัก ของคุณคงอยู่ แบบไม่จืดจาง

10 วิธี ทะเลาะกับคนรักอย่างสร้างสรรค์



การใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน ก็ต้องมีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้าง วันนี้เรามี 10 วิธี ของการทะเลาะกับคนรักอย่างสร้างสรรค์ จะได้ช่วยให้การทะเลาะกันไม่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักมาบอก...

1. ทะเลาะทีละเรื่อง อย่าขุดเอาความไม่พอใจเก่า ๆ ขึ้นมาพูดในทีเดียว เพราะแทนที่จะได้ข้อสรุปของหัวข้อที่ถกเถียงกันตั้งแต่แรก จะกลายเป็นการระเบิดสงครามอารมณ์ใส่กัน
2. อย่าจับผิดรายละเอียดเล็กน้อย อย่าเถียงกันว่าเขาลืมไปรับของสำคัญของคุณวันจันทร์หรือวันอังคาร ประเด็นคือ เขาลืมของสำคัญของคุณ ไม่ใช่ วันไหนที่เขาลืม

3. เริ่มต้นประโยคด้วยคำว่า ฉัน พูดว่า ฉันไม่พอใจเวลาคุณทำแบบนั้น แทนที่จะพูดว่า "คุณทำให้ฉันไม่พอใจเวลาทำแบบนั้น" การขึ้นต้นประโยคด้วยคำว่า คุณ จะทำให้ผู้ฟังรู้สึกกล่าวโทษ ขณะการขึ้นต้นด้วยคำว่า ฉัน คือการบอกกล่าวความรู้สึกของคุณ

4. อย่าพูดว่า "ไม่เคย" "เสมอ" "ควร" และ "ไม่ควร" เพราะเป็นคำที่ฟังดูแข็งกระด้าง และมีแนวโน้มจะทำให้ผู้ฟังไม่พอใจได้ง่าย และเอาเข้าจริงมันก็ไม่ถูกเสมอไป

5. ใช้เหตุผลและความคิดเห็นที่เป็นของคุณ อย่าพยายามชักแม่น้ำทั้ง 5 ด้วยการเอาความคิดเห็นของคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พึงระลึกไว้เสมอว่า นี่เป็นเรื่องของคุณสองคนเท่านั้น

6. พยายามอยู่ในอิริยาบถผ่อนคลาย และอย่าลืมหยุดพักหายใจ การนั่งลงและอยู่ในอิริยาบถสบาย ๆ จะช่วยให้คุณสงบจิตสงบใจได้ดีกว่าการเดินพล่านไปทั่วห้อง

7. อย่าพูดคำหยาบคาย หรือด่าทอ การต่อว่าว่าเขาแสนจะขี้เกียจ อ้วนพุงพลุ้ย หรือคิดมากไม่เข้าเรื่อง ไม่เคยช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้เลย

8. พยายามสังเกตความรู้สึกของตัวเอง และบอกให้เขารับรู้ การบอกว่า "ฉันกลัวว่าคุณจะไม่รักฉัน" จะช่วยให้เขาเข้าใจคุณมากกว่าการพูดว่า " คุณทำตัวเหมือนไม่รักฉันเลย"

9. อย่าขัดคอ อย่าเถียงขึ้นมา ขณะอีกฝ่ายกำลังอธิบาย หรือเอาแต่พูดพล่ามยืดยาวอยู่ฝ่ายเดียว หรือไม่พูดอะไรเลยและหวังว่าจะให้เขาอ่านใจคุณออก

10. ขอเวลานอก หากคุณหรือใครคนใดคนหนึ่ง เริ่มรู้สึกรุนแรงจนอาจควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ควรหยุดการถกเถียงและแยกย้ายไปสงบจิตสงบใจสักพัก จนอารมณ์เย็นลงด้วยกันทั้งสองฝ่าย แล้วจึงค่อยมาปรับความเข้าใจกันใหม่
ถ้าไม่อยากทำลายความสัมพันธ์ระหว่างทะเลาะกัน ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.

ที่มา นสพ.เดลินิวส์

7 วิธีให้เขารักคุณมากขึ้น


7 วิธีให้เขารักคุณมากขึ้น



วิธีปฏิบัติตัวแบบง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวคุณเองและจะนำไปสู่ความเข้าใจซึ่งกันและกันเริ่มจาก "คุณต้อง"

1.คุณต้องเรียนรู้เรื่องของอาหาร อาหารชนิดใด รสชาติแบบใดจะถูกใจเขา ผู้ชายบางคนไม่พิถีพิถันมากนักรับประทานอาหารแบบใดก็ได้ แต่รสชาตินี่ซิถ้าถูกปากแล้วล่ะก็ เป็นต้องอ้อนให้คุณทำอาหารให้รับประทานทุกมื้อแน่ คุณควรฝึกปรือเสน่ห์ปลายจวักไว้เปลี่ยนเมนูบ่อยๆ นะคะ

2.คุณต้องไม่ปล่อยตัวเกินไป รักษาสุขภาพของร่างกายไว้เสมอ แต่งเสริมเติมสวยด้วยความเหมาะสม ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วมักจะมองข้ามความสำคัญตรงนี้ โดยคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้สะดุดตาใคร เป็นความคิดที่ผิด ลองดูนะคะ แต่งหน้านิด ปัดแก้มหน่อย ทาปากเล็กน้อย เติมน้ำหอมอีกสักนิด

3.ไม่ทำตัวเป็นคนจู้จี้ขี้บ่น หรือใช้คำพูดในเชิงบังคับให้เขาทำตามใจคุณ ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงที่จู้จี้ หรือประกบติดเขาตลอดเวลา เขาจะรู้สึกเหมือนนักโทษ ควรให้โอกาสเขาได้อยู่เงียบๆ คนเดียวบ้าง

4.คุณต้องไม่จ้องจับผิด เพราะการถูกจ้องจับผิดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบ และจะรู้สึกว่าถูกบีบคั้น ปิดกั้นเสรีภาพ ไม่ให้เกียรติกัน ข้อเท็จจริงอีกอย่างที่คุณควรรู้คือ ผู้ชายที่กลัวภรรยามักจะโกหกเก่ง เพื่อเอาตัวรอดจากการถูกจ้องจับผิด

5.คุณต้องรู้จักให้อภัย เมื่อเขารู้ตัวว่าทำผิดและสารภาพกับคุณ คุณควรให้อภัยเขาและไม่ควรนำเรื่องนี้มาตอกย้ำในภายหลัง เพราะจะทำให้เขารู้สึกติดลบในตัวคุณ

6.คุณต้องโปร่งใส ไม่ควรโกหกกับเขาในทุกๆ เรื่องเพราะการโกหกแล้วเขาจับคุณได้ เขาจะมีความรู้สึกว่าถูกหลอก และระแวงขาดความไว้วางใจในตัวคุณ

7.คุณต้องเป็นคนเริ่มทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์เขาเป็นคนเริ่มใช่หรือไม่ ถ้าใช่คุณลองเปลี่ยนมาเป็นคนเริ่มดูบ้างซิ แล้วคุณจะรู้ว่าเขาหลงใหลในตัวคุณแค่ไหน

ไม่ยากเกินไปใช่ไหมคะ ที่คุณจะเริ่มทำตั้งแต่ตอนนี้ เพราะคนสองคนใช้ชีวิตร่วมกันย่อมมีความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่อย่าให้ความไม่เข้าใจกันมาทำลายชีวิตคู่ที่คุณสองคนสร้างมา เพราะความสุขทางกายหาเมื่อไหร่ก็หาได้ แต่ความสุขทางใจนี่สิหายากยิ่งกว่า

การนอกใจคู่ครอง--แค่คิดก็ผิดแล้ว


การนอกใจคู่ครอง--แค่คิดก็ผิดแล้ว--มาอ่านความล้ำลึกของกรรมที่จะสนองคนที่นอกใจ


ถามการมีเซ็กซ์ก็แค่การเอากายไปมีอะไรกัน ไม่ได้บุบสลายอะไรมากมาย ทำไมการมีชู้จึงต้องมีโทษถึงนรกด้วยครับ?

คำตอบ--- คุณไปดูแค่อาการทางกาย ความรู้สึกเลยผิวเผิน และไม่เห็นน่าจะต้องมีโทษอะไรนักหนา แต่ธรรมชาติเขาให้ดูอาการทางใจเป็นหลักครับ ความสัมพันธ์ทางเพศเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดให้เป็นเรื่องบาดใจ ระดับความบาดใจนั้นเองเป็นตัวกำหนดบาปกรรม รวมทั้งกลายเป็นเครื่องชี้ได้อีกด้วยว่าแต่ละคนมีความละอายต่อบาปมากน้อยเพียงใด

คุณต้องเหี้ยมเกรียมเอาการถึงสามารถทำร้ายคนอื่นได้ใช่ไหมครับ? รู้ทั้งรู้ว่าจะทำเรื่องบาดใจเจ้าของ คุณยังสามารถทำได้ลงคอ ก็แปลว่าตอนนั้นจิตใจคุณขาดเมตตาแน่นอนแล้ว ยิ่งถ้าหากลงมือทำเป็นล่ำเป็นสัน ทำกันเป็นกิจวัตรประจำวัน ก็แปลว่ายิ่งต้องขาดความละอายต่อบาปอย่างชัดเจน จิตที่กระด้าง มีความเหี้ยมเกรียม มีปกติไม่ละอายต่อบาปนั่นเอง คือจิตข้างอกุศลอันจะเป็นฝักฝ่ายเดียวกันกับวิญญาณของสัตว์นรก เดรัจฉาน หรือเปรต หลังจากกายแตกดับไป ผู้ประพฤติผิดทางกามเป็นอาจิณจึงเหมาะสมสอดคล้องกับอัตภาพที่ต่ำกว่ามนุษย์

แค่เซ็กซ์ตัวเดียว ถ้าเมามันหมกมุ่นมากโดยไม่คิดทำบุญทำกุศลให้จิตสว่างขึ้นมาบ้าง จิตก็จะถูกเคลือบคลุมด้วยหมอกมัวของความหลงใฝ่ต่ำ มองโลกและชีวิตเป็นของต่ำ มีจิตวิญญาณเหมาะควรแก่อัตภาพเช่นหมาแมวได้แล้ว จะกล่าวไปไยให้ป่วยการถึงการละเมิดศีลธรรม ล่วงประเวณีแบบผิดๆเป็นที่สนุกสนานเล่า?

สรุปคือเซ็กซ์ไม่ได้ทำให้ไปนรก แต่จิตที่หมกมุ่นในเซ็กซ์จนมัวมน หยาบกระด้าง โหดเหี้ยม หรือปราศจากความละอายต่างหาก เป็นเหตุพาตัวเองไปสู่ภูมิที่อยู่ของวิญญาณระดับต่ำกว่ามนุษย์ การมีเซ็กซ์กับคู่ครองที่ถูกต้องโดยไม่ลุ่มหลงมัวเมาทั้งวันทั้งคืน จะทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นปกติ คิดอ่านทำการได้อย่างมีสติ มีความถูกต้อง มีใจไม่เบียดเบียนใคร นั่นแหละสำนึกที่เสมอตัวของมนุษย์ ลองสังเกตเถอะครับ สัตว์ไม่มีสำนึกแบบนี้หรอก แค่อยากขึ้นมาแล้วเห็นช่องทางก็ใช้ได้แล้ว ไม่คำนึงด้วยซ้ำว่าเป็นญาติเป็นเชื้อกันหรือเปล่า





ถาม จะเอาเกณฑ์อะไรไปตัดสินชัดๆครับว่าเป็นชู้แล้ว ผิดประเวณีแล้ว?


คำตอบ --- ต้องดูกฎแห่งกรรมซึ่งไม่มีใครเป็นผู้ตราไว้ แต่เป็นธรรมชาติที่มีอยู่เป็นอยู่ชั่วกาลนาน โดยมีผู้รู้แจ้งเห็นจริงคือพระพุทธเจ้าเป็นผู้เปิดเผยว่า กาเมสุมิจฉาจารหรือการประพฤติผิดในกามนั้น หมายถึงการมี เพศสัมพันธ์กับหญิงที่มารดาบิดารักษา หญิงที่พี่ชายพี่สาวรักษา หญิงที่ญาติรักษา หญิงที่ยังมีสามีครอบครอง หญิงที่ถูกซื้อตัวไว้ และหญิงที่ถูกจองตัวไว้แล้วด้วยเครื่องหมั้นหมายเช่นแก้วแหวนหรือแม้ด้วยพวงมาลัยตามประเพณีท้องถิ่น

พูดง่ายๆแบบรวบรัดคือถ้าชายใดไปมีเซ็กซ์กับหญิงที่มีผู้ส่งเสียดูแลอยู่ หรือหญิงที่ใช้ร่างเป็นหลักทรัพย์ หรือแม้หญิงที่มีเครื่องหมั้นหมาย ก็เป็นอันว่าผิดบาปเต็มประตู และหญิงที่ให้ความร่วมมือทั้งรู้ว่าตนมีเจ้าของ ก็ย่อมไม่พ้นผิดไปด้วยเช่นกัน

เจ้าของเก่า คือผู้ให้กำเนิด ผู้ปกครอง หรือผู้ส่งเสียเลี้ยงดูเช่นญาติพี่น้อง ถ้าหากยกให้กับใครแม้ด้วยวาจาแล้ว ก็ถือว่าสิทธิ์เปลี่ยนมือทันที อันนี้อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับ โดยเฉพาะในยุคที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพกัน วิบากกรรมทำให้มนุษย์ไม่มีอิสระ ไม่มีความเป็นไทแก่ตัวเองตั้งแต่แรกเกิดหรอกครับ

สำหรับเรื่องของการหมั้นหมายนี้น่าพูดถึงเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้เข้าใจภาพรวมได้กระจ่างขึ้น การหมั้นหมายคือการจองตัว หรือการประกาศความเป็นเจ้าของ เพียงด้วยการใช้วัตถุเป็นเครื่องหมายจับจอง อย่างเช่นพวงมาลัยตามประเพณีท้องถิ่นนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องทำกันเล่นๆหลอกตาคนอื่นเท่านั้นนะครับ ในทางธรรมชาติของกฎแห่งกรรมถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ มี บ่วงแห่งความเป็นเจ้าของคล้องทั้งกายทั้งใจไว้แล้ว ถ้าให้ผู้มีตาทิพย์มองจะเห็นชัดว่าไม่ใช่คนตัวเปล่าแล้ว ถ้าไปยุ่งด้วยก็ได้ชื่อว่าก่อกรรมอันจะเป็นโทษเป็นภัยในภายหลังแล้ว

ผู้หญิงที่เป็นไทจริงๆ ตัดสินใจอะไรด้วยตัวเองได้ จะต้องทำมาหาเลี้ยงตัวเอง หรือตัดสินใจออกมาจากการปกครองเลี้ยงดูของใครๆแล้ว มีความเป็นอยู่ปรากฏชัดว่าไม่พึ่งพาใครแล้ว

ที่ยุคเราเกิดความคลุมเครือเกี่ยวกับความถูกผิดทางกามกันมาก ก็เพราะดูเหมือนเต็มไปด้วยผู้หญิงที่เป็นไทแก่ตนเอง มีสิทธิ์เสรีที่จะตัดสินใจอะไรๆด้วยตนเอง แล้วผู้คนก็เริ่มชาชินกับการมีเซ็กซ์ตามอำเภอใจกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่ค่อยมีเครื่องหมายประกาศความเป็นเจ้าของกัน คิดเพียงว่าแต่งวันไหนค่อยหมั้นกันเช้าวันนั้น หลายคู่คบหากันโดยไม่ตกลงให้ชัดเจนว่าจะเป็นแฟนกันด้วยซ้ำ ประกาศบอกใครๆแบบแทงกั๊กว่าเป็นแค่เพื่อนบ้าง หรืออยู่ในระหว่างดูใจบ้าง โดยมีวงเล็บว่าระหว่างดูใจก็ขอดูกายให้ละเอียดก่อน

อีกประการหนึ่ง โดยธรรมชาตินั้นนารีมีรูปเป็นทรัพย์ จึงใช้ร่างกายแทนหลักทรัพย์ได้ แม้เป็นไทแก่ตัว แต่หาก ขายให้กับใครก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของคนนั้น เช่นตกปากรับคำว่าเมื่อรับเงินจำนวนหนึ่งแล้ว จะอยู่กับผู้ซื้อเป็นเวลานานเพียงใด ตราบใดไม่พ้นระยะเวลาหรือเงื่อนไขที่ตกลงกัน ตราบนั้นก็ถือว่าเป็นสมบัติต้องห้าม ข้อนี้จะทำให้เห็นชัดว่าผิดหรือไม่ผิดนี่ขึ้นอยู่กับใครมีสิทธิ์ในหญิงคนนั้น แม้ด้วยการตกลงทำสัญญาแลกเปลี่ยนซื้อขายกัน

ถ้าเข้าใจตรงนี้ดีๆก็จะตอบข้อสงสัยได้อีกมาก เช่นคิดว่าถ้าหย่ากันโดยพฤตินัยแล้ว คือไม่ได้หลับนอนกันแล้ว รอแต่ใบหย่าตามนิตินัยอยู่ ถือว่าเป็นไทหรือไม่ ต้องตอบว่ายังนะครับ ใจเป็นไทแล้ว แต่กายยังไม่ได้เป็น เพราะข้อตกลงตามสัญญาแรกคือจะผูกมัดจองตัวกันด้วยการจดทะเบียน ถ้าอีกฝ่ายไม่ยินยอมสละ ว่ากันโดยกฎแห่งกรรมเขายังมีสิทธิ์อยู่ เว้นแต่จะใช้ข้อกฎหมายมาถอนความเป็นเจ้าของนั้นได้ เช่นฟ้องหย่าด้วยเหตุที่อีกฝ่ายมีความผิด ไม่รับผิดชอบ หรือถือใบทะเบียนไว้ด้วยเจตนาฉ้อฉล เรียกว่าผูกกรรมกันด้วยกฎหมาย ก็ต้องถอนกรรมกันด้วยกฎหมายเสียให้ถูกฝาถูกตัวก่อน มิฉะนั้นอย่างน้อยที่สุดก็จะเป็นที่ครหาของชาวโลกได้





ถาม จีบแฟนคนอื่นที่เขายังไม่แต่งงานกันถือว่าบาปไหมครับ?

คำตอบ---ต้องดูระดับความเป็นเจ้าของครับ

๑) หญิงชายเพิ่งเริ่มมีใจให้กัน ยังไม่ตกลงโดยวาจา ยังไม่ประกาศต่อผู้อื่นว่าเป็นแฟนกัน หากคุณคิดจีบคนประเภทนี้ ก็นับว่าเอาตัวเข้ามาอยู่ในวังวนของการ แข่งขันเท่านั้น แต่พูดกันตามตรง แม้ไม่เป็นเหตุให้ไปสู่อบาย ก็อาจต้องลงนรกทางใจได้ โดยเฉพาะเมื่อเป็นผู้แพ้ ผู้ไม่อาจกำชัย คุณร้องไห้แน่นอน แต่หากคุณชนะ ก็ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้สร้างนรกทางใจให้ผู้อื่น สร้างน้ำตาให้ผู้อื่น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยึดมั่นของแต่ละฝ่ายด้วยว่าเกาะเกี่ยวเหนียวแน่นแค่ไหน ยึดน้อยก็เจอนรกทางใจขุมเล็ก ยึดมากก็เจอนรกทางใจขุมใหญ่ ไม่ใครก็ใครล่ะ คนใดคนหนึ่งต้องเจอนรกทางใจแน่ๆ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการแข่งขันโดยชอบธรรม เพราะเขายังไม่ได้ประกาศเป็นคนรักกับใคร ต้องถือเป็นคนว่าง เป็นคนตัวเปล่าอยู่

๒) หญิงชายมีใจให้กันชัดเจนแล้ว ยอมรับและประกาศต่อผู้อื่นแล้วว่าเป็นคนรักกัน หากคุณคิดจีบคนประเภทนี้ ถือว่าเอาตัวเข้ามาอยู่ใน ภัยเวรแน่นอนครับ เพราะชัดเจนว่าเป็นการ แย่งชิงคนรักของคนอื่นมาเป็นคนรักของตน ความรู้สึกผิด ความรู้สึกไม่ถูกที่ถูกทาง ความรู้สึกผิดฝาผิดตัว ความรู้สึกไม่มีสิทธิ์อยู่ก่อน เหล่านี้ล้วนเป็นเครื่องวัดได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติและไม่ชอบธรรม ทำให้ใจเกิดความหม่นหมอง มีมลทิน หรือถ้าไม่ละอายเลยก็แปลว่าคุณมีจิตใจหยาบกระด้างหรือเหี้ยมเกรียมเอาเรื่อง

โดยสรุปแล้ว ตราบใดที่ฝั่งเขายังไม่มีการหมั้นหมายกัน โทษภัยจะมาในลักษณะของการผูกใจเจ็บคิดจองเวรกันมากกว่าจะส่งคุณไปถึงอบายของจริงหลังกายนี้แตกดับ

บางทีต้องระวังๆด้วยนะครับ เพราะอาจมีอะไรที่ก้ำๆกึ่งๆกันอยู่ เช่นเขามีคู่รักของเขาเป็นตัวเป็นตน แต่พอคุยกับคุณปุ๊บเขาเพิ่งประกาศว่าไม่มี พูดง่ายๆปลดตำแหน่งแฟนเก่ากลางอากาศเพราะมีคุณเป็นเหตุ หากคุณยินดีเออออ ไม่ไล่ให้ฝ่ายหญิงไปตกลงกับแฟนให้เรียบร้อยเสียก่อน ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงมลทินทางใจได้

สัมพันธภาพที่สะอาดที่สุดคือทำความรู้จักกันด้วยไมตรีจิตฉันเพื่อนมนุษย์ธรรมดา สัมพันธภาพฉันเพื่อนมนุษย์จะทำให้เรารู้เห็นเองว่าเขามีเจ้าของหรือยัง หากคุณตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าถ้ามีเจ้าของ ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอย่างเด็ดขาด หรือจนกว่าเขาจะตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะกับแฟนว่าจะเลิกกัน เจตนาเช่นนี้จะทำให้เป็นผู้หลีกจากภัยเวรทางกาม ทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ

พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนในโลกนั้น แปดเปื้อนด้วยกาเมสุมิจฉาจารมากกว่าคนที่ปลอดจากกาเมสุมิจฉาจาร และเพราะเหตุนั้นเอง ย่อมน้อยที่เราจะพบคู่ที่ประสบแต่สุข โดยมากจะอยู่กันด้วยความสงสัยว่าใช่คู่ของตัวแน่หรือไม่ อยู่กันด้วยความคิดกลับไปกลับมาว่าตนเองเลือกคู่ถูกหรือไม่ และอยู่กันด้วยความหวาดระแวงว่าคู่ของตนจะไปมีคนอื่นหรือไม่ คนส่วนใหญ่จะไม่ยอมทนว้าเหว่ แล้วก็ตัดสินใจกันผิดๆร่ำไป บางทีก็เริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ยังไม่ผิดบาปชัดเจน เช่นจีบแฟนคนอื่นนี่แหละครับ

ขอขอบพระคุณบทความจาก Dungtrin
คัดลอกมาจาก

http://dungtrin.com/prepare/index_flash7.html

ความรัก พัฒนาได้ด้วยตัวของมันเอง


"รัก" นักจิตวิทยาได้อธิบายไว้อย่างนี้ค่ะ



1. รักแท้จะไม่เกิดขึ้นอย่างปุบปับ คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า
"รักแรกพบ" แต่ที่จริงแล้ว ทุกๆคนจะมีจินตนาการถึงคนที่
"ใช่เลย" ไว้อยู่ในส่วนลึกของหัวใจ พอได้เจอกับคนที่มีบุคคลิก
อย่างที่เคยฝันถึงก็รู้สึกสนใจเป็นพิเศษ แต่สำหรับเรื่องของ
ความรักนั้น ต้องค่อยๆสร้างขึ้นมา

2. ความหึงหวงไม่ใช่สัญญาณของรักแท้ หลายๆคนอาจจะคิดว่า
ยิ่งขี้หึง แค่ไหนก็แสดงว่ารักมากแค่นั้น จริงอยู่ที่คู่รักต่างก็มี
อารมณ์หึงหวงกัน ทั้งนั้น แต่ความหึงหวงเป็นเรื่องของความรู้สึก
เป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ไม่ใช่ความรัก คนที่ขี้หึงมักจะเป็นคนที่รู้สึก
ถึงความไม่มั่นคงในความรัก ทำให้เรียกร้องความรักมากเป็น
พิเศษ บางทีคนขี้หึงอาจจะหึงหวงทั้งๆที่ไม่ได้รักเลยก็ได้

3. การนั่งตาลอย ฝันหวานตลอดเวลา เป็นสัญญาณแสดงถึง
ความลุ่มหลง มิใช่รักแท้ ความรักที่แท้จริงนั้นจะทำให้คุณทำ
ทุกๆอย่างเพื่อให้คนที่คุณรักมีความสุข ดังนั้นคุณจึงทำสิ่งต่างๆ
ได้ตามปกติ ไม่ติดอยู่กับภาพฝัน ขณะที่ความลุ่มหลงจะมี
ศูนย์กลางอยู่ที่ตัวเองและแยกตัวเองออกจากโลกแห่งความจริง

4. ความรักที่แท้จริงจะไม่มีวันลดน้อยถอยลงเมื่ออยู่ห่างจากกัน
ถ้าคุณรู้สึกรักเขามากขึ้นเมื่ออยู่ใกล้กันละก็ อาจจะเกิดจาก
ความมีเสน่ห์ของเขาหรือความสนุกเร้าใจเมื่ออยู่ใกล้เขา แต่
มันไม่ใช่ความรัก ถ้าคุณรู้สึกแบบนี้แสดงว่าคุณยังไม่ได้รัก
เขาอย่างลึกซึ้งหรอก

5. ความรักไม่ทำให้คุณตาบอด คุณจะเห็นถึงข้อผิดพลาด
ของเขาแต่คุณจะเข้าใจและจะไม่ติดใจอะไร คนที่กำลังอยู่ใน
ภาวะหลงใหลมักจะเห็นว่าคู่ใจของเธอสมบูรณ์พร้อมไม่มีที่ติ

6. บ้านที่ไร้สุขอาจจะทำให้บางคนคิดว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก
ได้ สาวน้อยหลายคนที่มีปัญหากับพ่อแม่มักจะมองเห็นชายหนุ่ม
ของเธอเป็นอัศวินขี่ม้าขาวที่จะมาช่วยให้เธอพ้นจากสภาพแย่ๆ
แท้จริงแล้วเธอไม่ได้ตกหลุมรัก หากแต่ต้องการหลุดพ้น
เท่านั้น

7. ผู้เชี่ยวชาญบอกไว้ว่า สิ่งที่มีสำคัญอย่างมากในชีวิตสมรส
คือเรื่องการเงินและเรื่องลูก สาวๆที่มีรักแท้จะต้องเคยคุยถึง
เรื่องนี้กับคู่ใจ หากยังไม่เคยก็อาจจะเป็นได้ว่า ทั้งคู่ยังไป
ไม่ถึงจุดที่เรียกได้ว่า "รักแท้"

8. ความรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเป็นสัญญาณให้เห็นว่า เขา
มีอิทธิพลเหนือคุณ คนที่มีรักแท้จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงและ
รักเขาอย่างที่เขาเป็นถ้าคุณยังกังวลอยู่ ก็แสดงว่ารักแท้ยัง
อยู่ห่างๆค่ะ

9. การที่คนสองคนมีความทุกข์ใจคล้ายๆกันเป็นคนละเรื่อง
กับคนสองคนรักกัน คุณอาจจะรู้สึกว่าเราสองคนตกอยู่ในสภาพ
เดียวกันและแน่นอนว่าเราเข้าใจกันดีถึงความทุกข์ของแต่ละฝ่าย
แต่การแชร์ความรู้สึกทุกข์ยากกันและกันยังไม่ใช่เรื่องของ
ความรัก มันอาจจะเป็นเพียงความเห็นใจเท่านั้นเอง

10. เรื่องของความรักเป็นความผูกพันระหว่างคนสองคน หาก
มีใครนำเรื่องลึกซึ้งภายในมาแสดงต่อคนอื่น ก็แสดงว่าสิ่งที่
เกิดขึ้นไม่ใช่ความรัก มันอาจจะดูเป็นเรื่องน่าทึ่งเมื่ออยู่ในกลุ่ม
แต่สำหรับเรื่องความรักแล้วกลับจะเป็นเรื่องน่าเสียใจ

MV พี่บี้ รักนะคะ